เนื้อหาภายใน
หน้าแรก
คำนำ
พระบรมสารีริกธาตุ
  ความหมาย
  ประเภท
  คุณลักษณะ
  ลักษณะต่างๆ
  พระธาตุลอยน้ำ
ตำนานการเกิด
  ตำนานการเกิด
  สถานที่ประดิษฐาน
  พระอดีตพุทธเจ้า
  ธาตุปรินิพพาน
พุทธเจดีย์
  พุทธเจดีย์
  บุคคลที่ควรสร้างสถูป
  เจดีย์ประจำนักษัตร
พระธาตุพุทธสาวก
  พระธาตุพุทธสาวก
  สาวกธาตุพุทธกาล
  สาวกธาตุปัจจุบัน
บูชาพระธาตุ
  บูชาพระธาตุ
  อัญเชิญพระธาตุ
  บทบูชาพระธาตุ
  สรงน้ำพระธาตุ
  ในพุทธดำรัส และพระสาวก
  ในเทวดาและเปรต
พระธาตุปาฏิหาริย์
  พระธาตุปาฏิหาริย์
  ลักษณะการเกิด
  ประสบการณ์พระธาตุ
ภาพถ่ายพระธาตุ
  พระบรมธาตุ 1
พระบรมธาตุ 2
พระบรมธาตุ 3
  สาวกธาตุพุทธกาล
  สาวกธาตุปัจจุบัน
  วิธีถ่ายภาพพระธาตุ
บทความเกี่ยวกับพระธาตุ
พิพิธภัณฑ์พระธาตุ
กระดานข่าวสนทนา
บรรณานุกรม
บอกกล่าว

Quick link : บทความน่าสนใจเกี่ยวกับพระธาตุ

พระธาตุเขาสามร้อยยอด พระธาตุข้าวบิณฑ์ พระธาตุห้าร้อยพระอรหันต์

บทความนี้คัดลอกจากหนังสือธรรมปกิณกะ เล่ม 1 ที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของพระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพระมหาเถระที่มีจริยวัตรงดงาม และโดดเด่นในเรื่องเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุเป็นอย่างมาก

"หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา เกิดเมื่อปี 2456 ที่ จ.ลำพูน บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 13 ปี และเมื่ออายุครบบวช จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดชีวิตของท่าน ได้ไปจำวัดสั่งสอนอบรมศิษย์ยังสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดพระบาทห้วยต้ม และมรณภาพในปี 2543 หลังจากมรณภาพแล้ว สังขารของท่านมิได้เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดพระบาทห้วยต้ม จนถึงปัจจุบัน"


พระธาตุเขาสามร้อยยอด

.............เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 500 ปี พระสงฆ์ทั้งหลายที่มาไม่ทันพระพุทธเจ้าแต่ยังทันพระศาสนา ในสมัยนั้นยังมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรม ยึดถือพระธรรมอันเคร่งครัดอยู่เป็นจำนวนมาก พระสงฆ์เหล่านั้นต่างแยกย้ายออกหาที่สงบวิเวกปฏิบัติธรรม

.............เขาสามร้อยยอด เป็นที่สนุกสำหรับการปฏิบัติธรรมเพราะเป็นป่าหิมพานต์ชั้นหนึ่ง ผู้ที่มาพักอาศัยส่วนใหญ่เป็นพระอภิญญาเพราะท่านต้องเข้ามาบิณฑบาตข้าวในเมือง ในกรุงเทพ เพียงครู่เดียวก็กลับไป คนใส่บาตรก็เห็นเป็นพระธรรมดา สถานที่ท่านอยู่ไม่มีคนเห็นเพราะอยู่ในป่าลึก พระสงฆ์เหล่านี้มีความขยันหมั่นเพียรปฏิบัติธรรมเคร่งครัดดังได้อยู่เฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบกับมีอาจารย์ใหญ่ผู้เป็นศากยวงศ์ มาจากประเทศอินเดีย มาสอนปฏิบัติกรรมฐานให้หมดจากกิเลส ให้รีบปฏิบัติธรรมให้ทันพระพุทธเจ้าซึ่งรออยู่แล้ว พระสงฆ์ทั้งหมดต่างปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตตผลนิพพานในถ้ำเขาสามร้อยยอดนั้น การมาปฏิบัติธรรมในที่นี้เป็นการหนีภัยอันตรายคืออันตรายจากการที่มีคนมาหาไม่หยุดหย่อนไม่อาจจะปฏิบัติธรรมได้ ดังเช่นพระสงฆ์ในปัจจุบันนี้ไม่ห่วงการตัดกิเลส ห่วงแต่โชคลาภ

.............สังขารของพระอรหันต์ที่นิพพานในถ้ำมีเป็นจำนวนมาก ต่อมาช้านานกลายเป็นก้อนหินมีเทวดารักษา ก้อนหินนั้นมีลวดลายต่างๆ กัน พระอรหันต์ที่มีอานุภาพมากหินพระธาตุก็มีลวดลายสวยงาม พระอรหันต์ทีมีอานุภาพน้อยหินก็ไม่มีลาย พระอรหันต์แต่ละองค์จะมีฤทธิ์ไม่เหมือนกัน พระพุทธเจ้ามีฤทธิ์แบบหนึ่ง พระอานนท์มีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระกัสสปะมีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระสารีบุตรมีฤทธิ์อย่างหนึ่ง พระโมคคัลลาน์มีฤทธิ์อีกอย่างหนึ่ง บารมีที่สร้างมาเป็นอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง อารมณ์เกิดเป็นนิมิตเป็นกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง พิจารณากรรมฐานนั้นให้ถึงอรหัตตผล ตัวอย่างเช่น ใช้กสิณไฟ กสิณน้ำ กสิณลม เอาสิ่งนั้นมาเป็นนิมิตเป็นรูปพระ พิจารณาให้กว้างและลึก ทำจนแก่กล้าขึ้น เรียนมาก รู้มากขึ้น เป็นพระอรหันต์ที่โปรดสัตว์ได้มาก พระธาตุก็มีลักษณะสวยงามมีลวดลายมาก



 
พระธาตุข้าว (ข้าวบิณฑ์)

.............ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ วันหนึ่งได้เสด็จมาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่ระมิงค์เพื่อไปโปรดพวกละว้า พวกละว้าเหล่านั้นอยู่ในภาวะอดอยาก ผืนดินแห้งแล้งทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ต้องหาหัวเผือกหัวมันมาต้มผสมกับข้าวกินเป็นอาหาร เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จมาถึงที่นั่น พวกละว้าก็เอาข้าวผสมมันซึ่งเป็นโภชนาหารของตนมาใส่บาตร

.............พระบรมโลกนาถก็ทรงรับแล้วฉันภัตตาหารเช้า ณ ที่นั้นซึ่งเรียกว่า ดอนน้อย เสร็จแล้วก็ทรงให้ศีลให้พรพวกละว้าทั้งหลาย หลังจากนั้นจึงทรงนำข้าวที่เหลือก้นบาตรไปเทคว่ำไว้และแสดงปาฏิหาริย์ให้ข้าวนั้นกลายเป็นหิน(เป็นพระธาตุข้าวดังที่เห็นในปัจจุบันนี้) พวกละว้าเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก พระพุทธองค์จึงทรงให้ศีล 5 และแสดงธรรม และรับสั่งให้พวกละว้ารักษาดอนน้อยไว้ให้ดี และให้รักษาศีล 5 ไว้เป็นปกติ ถ้ารักษาได้ก็เหมือนอยู่ใกล้พระพุทธองค์ ถ้ารักษาไม่ได้ก็เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าจักรวาล ข้าวก้นบาตรที่กลายเป็นหินนี้แต่ละเม็ดมีเทพคุ้มครองอยู่ จากนั้นพระธาตุข้าวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

.............เมื่อพระครูบาชัยวงศาฯได้มาจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้มที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านได้นิมิตเห็นพระธาตุข้าวซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กม. ที่ดอยเกิ้ง ท่านจึงได้อัญเชิญพระธาตุข้าวบางส่วนมาไว้ที่วัดและแจกให้ลูกหลานนำไปสักการบูชา ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรมที่มีพระธาตุข้าวไว้บูชาแล้ว ความอดอยากขาดแคลนจะไม่บังเกิดขึ้น การทำมาค้าขายโดยสุจริตจะได้ผลเจริญงอกงาม เมื่อประสงค์สิ่งใดให้ทำสมาธิจิตระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและครูบาชัยวงศาฯ แล้วตั้งจิตขอในสิ่งที่ปรารถนาจะได้ผลดีมากสำหรับผู้ที่มีศีล 5 เป็นปกติ

.............ถ้าหากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ที่รับประทานยาแผนปัจจุบันแล้วไม่สามารถบรรเทาทุกข์เวทนาให้หายลงได้ ก็ให้ทำน้ำพระพุทธมนต์โดยจุ่มพระธาตุข้าวลงในภาชนะใส่น้ำที่จะทำน้ำพระพุทธมนต์ ตั้งจิตอธิษฐานแล้วดื่มน้ำพระพุทธมนต์นั้นจะบรรเทาทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นได้ และพระธาตุข้าวนี้อาจแตกหักได้ 2 กรณีคือ

.............1. แตกโดยการชำรุด
.............2. แตกหักโดยนำไปในสถานที่ที่ไม่เป็นมงคล



พระธาตุ 500 อรหันต์

.............ในสมัยแห่ง พระพุทธเจ้ากัสสปะ ได้มีค้างคาวหนู 500 ตัว ห้อยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง วันหนึ่งได้มีพระเถระ 2 รูปเข้ามาบำเพ็ญสมณธรรมและสวดมนต์ (อภิธรรม) ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวก็ได้ฟังเสียงสวดมนต์ด้วยความดื่มด่ำเพลิดเพลิน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจในความหมายแห่งบทสวดมนต์นั้นๆ ด้วยอานิสงส์นี้ ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวจึงได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นานถึง 1 พุทธันดร เมื่อจุติจากสวรรค์ก็ได้มาเกิดในโลกมนุษย์ ในกรุงสาวัตถีสมัยพระพุทธเจ้ายุคปัจจุบัน

.............ในพรรษาที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ โปรดพระมารดาที่ชั้นดาวดึงส์ด้วย พระพุทธนิรมิต จนกว่าจะกลับ แต่พระวรกายจริงกลับเสด็จไปยังป่าหิมพานต์ แล้วโปรดพระสารีบุตรกับศิษย์กุลบุตร 500 คน (ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวที่มาเกิด) กุลบุตรทั้ง 500 คนเลื่อมใสใน ยมกปาฏิหาริย์ จึงได้บวชกับพระสารีบุตร พระพุทธองค์ก็ทรงเสด็จกลับเทวโลก พระสงฆ์ทั้ง 500 องค์ได้เป็นผู้ชำนาญใน ปกรณ์ทั้ง 7 และ บำเพ็ญจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด 500 องค์ และได้พักจำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง

.............ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ได้ทรงแวะทำภัตกิจ ณ ถ้ำแห่งนี้ พร้อมกับทรงประชวรเนื่องจากทรงเสวยเนื้อสุกร จึงได้ประทับในถ้ำเป็นเวลาพอสมควร ก่อนหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์จะติดตามมาทัน ดังนั้นจึงได้มีการสร้าง พระพุทธไสยาสน์ ประทับบนแท่นที่พระพุทธองค์เคยประทับมาก่อนเพื่อเป็นพุทธานุสรณ์ว่า พระพุทธองค์ได้เคยเสด็จมาประทับ ณ ที่แห่งนี้ก่อนเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานที่เมืองกุสินารา

.............เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว พระอรหันต์ 500 องค์ ซึ่งยังคงอยู่ที่ถ้ำแห่งนั้นก็ได้นิพพานในเวลาที่ใกล้เคียงกับพระพุทธองค์ ส่วนพระอินทร์เมื่อทราบว่า พระอรหันต์ 500 องค์ นิพพานแล้วก็ได้เนรมิตไฟมาถวายเพลิง ไฟที่เผาไหม้ได้ร้อนไปถึงเมืองบาดาล พญานาคจึงขึ้นมาพ่นน้ำดับไฟจนเหลือแต่เถ้า จึงเรียกว่า ถ้ำดับเถ้า ตอนหลังเพี้ยนเป็น ถ้ำตับเต่า

.............ปัจจุบันรูที่เกิดจากพญานาคผุดขึ้นมาจากเมืองบาดาล ก็ยังคงสภาพเดิมอยู่อย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เพราะกลัวพญานาค และน้ำที่ผุดขึ้นมาค่อนข้างจะน่ากลัวเพราะเกิดจากแรงดันจากใต้บาดาล ทำให้น้ำไหลเชี่ยวและแยกเป็นหลายลำธารไม่เคยขาดสายตลอดปี สามารถนำมาใช้อาบและต้มดื่มกินได้ และยังมีความศักดิ์สิทธิ์สามารถดับพิษไฟได้อีกด้วย

.............ส่วน เถ้าอังคาร ที่จมอยู่ในน้ำตามลำธารใกล้ถ้ำดังกล่าวได้จับตัวรวมกันเป็นพระธาตุมีหลายขนาด และหลากสีสันวรรณะ เราจึงเรียกพระธาตุเหล่านั้นว่า พระธาตุพระอรหันต์ 500 หรือ พระธาตุ 500 อรหันต์


next>>>

พระบรมสารีริกธาตุ และ พระธาตุพระพุทธสาวก
พุทธบูชา 2542 - 2554 @ http://www.relicsofbuddha.com