หลวงปู่กอง
จันทวังโส
วัดสระมณฑล จ.อยุธยา
ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
หลวงปู่กอง จันทวังโส มีนามเดิมว่า กอง ถนอมทรัพย์ เป็นบุตรคนที่
2 ใน 3 คน ของคุณพ่อฝอย และคุณแม่ทัด ถนอมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่
1 พฤษภาคม 2442 ในแผ่นดินรัชกาลที่ 5 บ้านเดิมอยู่ที่ ต.บ้านพราน
อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งท่านก็ได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาชั้นประถมปีที่
4 ที่โรงเรียนวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นั่นเอง
มูลเหตุบรรพชา
ครั้นเมื่อมารดาของหลวงปู่เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร
และไม่ได้ลาสิกขาจนกระทั่งอายุครบบวช เนื่องจากหาจะสึกเมื่อไร
ก็มักจะเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น
ได้ติดตามพี่ชายไป จ.สุพรรณบุรี และอยู่วัดพระลอยกับหลวงพ่อแต้ม
เมื่ออายุครบบวช จึงได้กลับไปอุปสมบท ณ วัดบ้านแก อ.แสวงหา
จ.อ่างทอง หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดข่อย หรือ
วัดข่อยวังปลาในปัจจุบัน
ที่วัดข่อยนี้เอง
หลวงปู่ได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม กับหลวงพ่อเข็ม
ท่านได้ศึกษาอยู่จนได้เป็น พระปลัดกอง มีหน้าที่อบรมสั่งสอนพระเณรที่วัด
ซึ่งท่านเป็นพระที่มีวินัยเข้มงวดกวดขันมาก หลังจากนั้นจึงได้ลาสิกขาบทกลับมาใช้ชีวิตฆราวาส
ลาสิกขา
ในช่วงชีวิตฆราวาส หลวงปู่ได้มีครอบครัวเฉกเช่นคนทั่วไป แต่เมื่อภรรยาของท่านออกลูกสาวคนแรกก็เสียชีวิตลง
ท่านจึงได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง โดยมีบุตร-ธิดาที่เกิดจากภรรยาคนที่สองอีก
3 คน ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อ่างทองระยะหนึ่ง จึงย้ายมาอยู่ที่
จ.พิจิตร ซึ่งที่นี่เอง ภรรยาคนที่สองของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก
ท่าานจึงเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก อีกทั้งบุตรและธิดาท่านโตพอจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว
จึงนำไปฝากไว้กับตาและยายเพื่อให้ไปศึกษาต่อในชั้นมัธยม ส่วนท่านจึงได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง
ชีวิตสมณะ
การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
การอุปสมบทครั้งนี้
ท่านได้สละเพศฆราวาสของท่าน ณ วัดเทวประสาท ต.ห้วยเกต อ.ตะพานหิน
จ.พิจิตร ในขณะนั้นท่านมีอายุได้ 55 ปีแล้ว โดยมีท่านพระครูพิบูลย์ศีลสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์
และพระอธิการทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 18
กรกฏาคม พ.ศ.2495 โดยได้รับฉายาว่า จันทวังโส เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆจากหลวงปู่มหาทิม
ซึ่งพระอาจารย์มหาทิม เป็นพระผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม
รวมถึงคาถาอาคมต่างๆ ต่อมาหลวงปู่กองจึงได้ติดตามอาจารย์มหาทิมลงมากรุงเทพ
ฯ ด้วย โดยไปจำพรรษาที่วัดพระสิงห์ กรุงเทพฯ จากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาอบรมอยู่กับหลวงพ่อมิ
ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มหาทิม (หลวงพ่อมิ เป็นศิษย์ของหลวงปู่คง
วัดซำป่างาม จ.ชลบุรี) เมื่ออยู่ได้ระยะหนึ่ง ท่านจึงได้แยกย้ายกับพระอาจารย์มหาทิม
เพื่อไปธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมตามป่าเขา
ในการธุดงค์ของหลวงปู่กอง
ได้ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตามที่สงบสงัด บางครั้งก็ได้ไปพบกับครูบาอาจารย์และสหายธรรมมากมาย
ครั้นเมื่อกลับจากธุดงค์แล้ว ท่านจึงได้ไปจำพรรษาวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง
ตามที่สหายธรรมของท่านได้ชักชวนไป จนกระทั่งในที่สุด หลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดสระมณฑลซึ่งเป็นพระอารามเก่าแก่ในสมัยอยุธยา
ซึ่งเหลือเพียงโบสถ์และพระพุทธรูปโบราณ วัดมีอาณาเขตเพียงแค่รอบโบสถ์
ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนประชาชน
ในสมัยที่หลวงปู่ออกธุดงค์อยู่นั้น
หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปถึงที่ถ้ำบัวแดง จ.ชัยภูมิ ณ สถานที่นั้นเองที่ท่านได้เจอกับพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน
ที่ท่านให้ความเคารพเทิดทูนมาก นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร
ด้วยความเคารพรัก และบูชาในคุณธรรมของท่าน หลวงปู่จึงได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดใหญ่
ไว้ให้ศิษยานุศิษย์บูชาไว้ภายในโบสถ์ด้วย
หลวงปู่กอง
ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระมณฑล จนกระทั่งละสังขาร ในวันที่ 9
พฤษภาคม พ.ศ.2546 สิริอายุได้ 104 ปี 9 วัน 51 พรรษา
ธรรมโอวาท
๑.
ภาพพระธาตุ


แหล่งข้อมูล:
ตัดทอน-เรียบเรียงจาก ศิษย์ใหม่. 2546. หลวงปู่กอง
จนฺทวํโส. หนังสือที่ระลึกงานฌาปณกิจ. ม.ป.พ. |